ในปัจจุบันมีวิธีการลดน้ำหนักอยู่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง การเข้าฟิตเนต การเล่นโยคะ แต่สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย อาศัยเพียงความมีวินัยในตนเองเท่านั้น นั่นคือ การลดและควบคุมการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของเราค่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำง่าย ไม่เปลืองเวลา อย่างเช่น บางคนเน้นรับประทานผัก และผลไม้เป็นหลัก ลดไขมันและเนื้อสัตว์ลง รวมถึงลดมื้ออาหารลง จาก 3 มื้อ เหลือ 2 มื้อ แต่ในบทความนี้ เรามีวิธีที่แตกต่างออกไปจากเดิม คือ การเน้นรับประทานไขมันในปริมาณมากแทน วิธีนี้มีชื่อเรียกว่า คีโตเจนิด ไดเอท (Ketogenic Diet) หรือการรับประทานอาหารคีโต ซึ่งจะกินไขมันเป็นหลัก 75% โปรตีน 20% และคาร์โบไฮเดรต 5%
อาหารคีโต คือ
อาหารคีโต เป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ และมีไขมันมันสูง การรับรับประทานอาหารคีโต มีความเกี่ยวข้องกับการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มจำนวนปริมาณไขมันในอาหาร การทำงานของกระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตซิส (Ketosis)
คีโตซิส (Ketosis) เป็นสภาวะที่ร่างกายเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต เกิดขึ้นเมื่อเราลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง ทำให้ปริมาณกลูโคส (น้ำตาล) ลดลงและไม่เพียงพอต่อการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ต้องหาพลังงานจากแหล่งอื่นมาทดแทน ก็คือการสลายไขมันให้เป็นพลังงานและทำให้เราผอมลงนั่นเองค่ะ นอกจากนี้การทำ Fasting ช่วยระหว่างทานคีโตนั้น ก็ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะ คีโตซีส (Ketosis) ได้ไวขึ้น โดยปกติ Fasting ที่นิยมทำคือการทานอาหารในช่วง 8 ชม. และทำ Fasting ในเวลาที่เหลืออีก 16 ชม.
อาหารคีโตมีอะไรบ้าง?
1. อาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และยังมีวิตามินบี โพแตสเซียม เซเรเนียมและสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย โดยปกติแล้วกุ้งและปูไม่มีคาร์บ แต่หอยและปลาหมึกมีคาร์บต่ำประมาณ 4 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม
2. ผัก สามารถรับประทานผักใบเขียวได้ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง อาโวคาโด บล็อกโคลี ดอกกระหล่ำ กล่ำปลี แตงกวา ถั่วเขียว มะเขือ ผักคะน้า ผักกาดหอม มะกอก พริก (โดยเฉพาะพริกเขียว) ผักขม มะเขือเทศ ซุกินี เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ดอกกระหล่ำแทนข้าว และนำซุกินีมาทำเส้นก๋วยเตี๋ยวได้อีกด้วย
3. ชีส เป็นอาหารที่มีคาราโบไฮเดรตต่ำไขมันสูง และยังอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก นอกจากนี้ยังมีกรดไลโนเลอิกที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน และยังมีรสชาติอร่อย เช่น บลูชีส บรี เชดดาร์ชีส ชีสคอตเทจ ครีมชีส Feta ชีสแพะ ชีสมอสซาเรลล่า พามิซานชีส และสวิสชีส เป็นต้น
4. อะโวคาโด มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งการที่ทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะช่วยให้ร่างกายเข้าสูสภาวะคีโตซิส (Ketosis) ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้อะโวคาโดยังช่วยลดคลอเลสเตอรอล และไตรกรีเซอร์ไลด์อีกด้วย
5. เนื้อสัตว์ และสัตว์ปีก เป็นแหล่งอาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูง ซึ่งโปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญระหว่างการกินคีโต เพราะจะช่วยลดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และยังอุดมไปด้วยวิตามินบีรวมและแร่ธาตุที่สำคัญอยู่หลายหลายชนิด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์จากการเลี้ยงด้วยหญ้าตามธรรมชาติ จะมีโอเมก้า 3 และสารอาหารมาก
6. ไข่ เป็นอาหารที่ดีและง่ายสำหรับการทานอาหารคีโตเพราะใน 1 ฟอง มีคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า 1 กรัม และมีโปรตีนมากถึง 6 กรัม นอกจากนี้การทานไข่ จะทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นอีกด้วย
7. น้ำมันมะพร้าว มีกรดไขมัน MCTs ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที นอกจากนั้นยังมีกรดลอริก ที่ช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะคีโตซิสได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญและส่งเสริมการลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้องได้ดีอีกด้วย
8. โยเกิร์ตกรีกธรรมชาติไร้น้ำตาลและคอทเทจชีส เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงเมื่อรับประทานแล้ว จะช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหารได้ดี สามารถใส่ถั่ว ซินนาม่อนเพิ่ม แล้วมานเป็นของว่างระหว่างวันก็ได้
9. น้ำมันมะกอก มีกรดโอเลอิกสูง จัดได้ว่า เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ฟีนอล ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ เพราะช่วยลดการอักเสบและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ สามารถมาทำเป็นน้ำสลัดทานได้
10. ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์ ถั่วบราซิล เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วพีแคน ถั่วพิตาชิโอ ถั่ววอลนัท เมล็ดเจีย เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง และงา ซึ่งเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและดูดซึมแคลอรี่โดยรวมได้น้อยลง นอกจากนี้ยังล่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ภาวะซึมเศร้า และโรคมะเร็งบางชนิดด้วย แต่ทั้งนี้ควรศึกษาให้ดีก่อนว่าควรทานในสัดส่วนเท่าใดจึงจะพอดีและสมดุลต่อการทานแบบคีโตเจนิก
11. เบอร์รี่ เช่น แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตอเบอร์รี่ โดยผลเบอร์รี่แต่ละชนิดจะมีปริมาณไฟเบอร์สูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกเป็นจำนวนมากที่ช่วยลดอาการอักเสบและป้องกันโรคต่างๆ
12. เนยและครีม เป็นอาหารที่มีไขมันดีมีความอิ่มตัวสูง อุดมไปด้วยไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย
13. บะหมี่ชิราทากิ หรือก๋วยเตี๋ยวชิราทากิ เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากเส้นใยทีมีความหนืดสูง สามารถดูดซับน้ำได้ถึง 50 เท่าของน้ำหนัก มีชื่อเรียกว่า กลูโคแมน เส้นใยชนิดนี้จะช่วยชะลอการเคลื่อนที่ของอาหารผ่านทางเดินอาหารของเราให้ทำงานช้าลง จึงช่วยลดความหิวและน้ำตาลในเลือด ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ด้วยดี
14. มะกอก ในผลมะกอกมีสาร Oleuropein เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันเซลล์ และป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกในร่างกาย
15. กาแฟและชาไม่หวาน จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการเผาผลาญ และปรับสมดุลทางกายและทางอารมณ์ให้เกิดความตื่นตัว
16. ดาร์กช็อคโกแลตและผงโกโก้ โดยดาร์กช็อคโกแลต มีสารฟลาวานอยที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจเพราะสามารถช่วยลดความดันโลหิตและทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ควรเลือกดาร์กช็อคโกแลตที่อย่างต่ำมีช็อคโกแลตอยู่ 70% นอกจากนั้นผงโกโก้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการเกิดโรคต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
คีโตห้ามกินอะไรบ้าง?
- อาหารหวาน เช่น โซดาน้ำผลไม้สมูทตี้ เค้ก ไอศกรีม ขนมต่างๆ
- ข้าว พาสต้า ซีเรียล
- ผลไม้อื่นๆ นอกจากอโวคาโด และผลไม้ตระกูลเบอรี่
- ถั่ว เช่น ถั่วแดง ถั่วเลนทิล ถั่วชิกพี
- รากผักและหัวที่อยู่ใต้ดิน เช่น มันฝรั่ง มันเทศ แครอท หัวผักกาด
- ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำและผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก เช่น มายองเนสไขมันต่ำ น้ำสลัด และเครื่องปรุงรส
- เครื่องปรุงรสและซอสบางชนิด เช่น ซอสบาร์บีคิว มัสตาร์ด น้ำผึ้ง ซอสเทอริยากิ และซอสมะเขือเทศ
- ไขมันจากพืชแปรรูป
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึง น้ำเชื่อมพุดดิ้ง
สรุปได้ว่าการทานอาหารคีโตเจนิก มีส่วนช่วยในการลดหรือควบคุมน้ำหนักได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรศึกษารายละเอียดและทำความเข้าใจให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน หรือปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ประสิทธิผลที่ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก: healthline.com